วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ดนตรีเพื่อการบำบัด
ดนตรี มีคุณค่า และมีประโยชน์ต่อมนุษย์ในทุกด้าน เช่น พัฒนาสุขภาพจิต อารมณ์ สังคม และการพัฒนาทางร่างกาย มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับประโยชน์ และความสุขจาการรับรู้ความงามของดนตรี นำคุณค่าของดนตรีมาใช้พัฒนาคุณภาพของชีวิต
การศึกษาทางด้านดนตรีในประเทศไทย เห็นความสำคัญของดนตรีมากขึ้น มีการศึกษาการใช้ประโยชน์ของดนตรี เช่น พีระชัย ลี้สมบูรณ์ผล ศึกษาเรื่อง “ดนตรีของคนตาบอดในประเทศไทย : การเขียน และการประกอบอาชีพ” เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาศิลป์ศาสตร มหาบัณฑิต สาขาวัฒนธรรมการดนตรี มหาวิทยาลัยมหิดล (2537) พบว่า ดนตรีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตของคนตาบอด เป็นเพื่อนยามเหงา ช่วยลดความเครียด ความกังวล และเป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพ
งานวิจัยของ บำเพ็ญจิต แสงชาติ วิจัยเป็นวิทยานิพนธ์ ระดับปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2528 เรื่อง “การนำดนตรีมาใช้เพื่อลดความเจ็บปวดของผู้ป่วยหลังผ่าตัด” โดยอาศัยแนวทางหลัก
1. ดนตรีมีผลต่อร่างกายและจิตใจของบุคคล ซึ่งอาจจะเป็นไปในทางลบหรือบวกก็ได้ตามชนิดของดนตรีที่บุคคล นั้น ได้ สัมผัส ตามนัยยะระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์
2. ดนตรี ทำให้บุคคลมีมนุษยสัมพันธ์ และเข้าสู่สังคมได้
3. ดนตรีสามารถช่วยให้มีการพัฒนาทางด้านชื่อเสียงเกียรติยศของปัจเจกบุคคล และบรรลุถึงความเชื่อมั่นและเข้าใจตนเอง
4. เสียงดนตรีที่มีท่วงทำนองและประกอบด้วยลีลาจังหวะการเคลื่อนไหว ทำให้เกิดพลังชีวิต และสามารถปฏิบัติตามได้
5. ดนตรีทำให้เกิดสมาธิ มีความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ มีความละเอียดทางด้านอารมณ์และแนวความคิด
6. ดนตรีทำให้คลายความเครียด และลดความกังวลได้
ปัจจุบันมีการนำดนตรีมาใช้บำบัดโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีผลดียิ่งทั้งโรคทางกาย และจิตเวช กรีกเป็นชาติแรกที่ใช้พิณดีดรักษาโรคซึมเศร้า ดนตรีบำบัดสามารถใช้พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้ดี มีประโยชน์ และมีคุณค่าสูงแต่ต้นทุนต่ำ ใช้ได้ทั้งลดอาการเจ็บปวดจาการคลอดจาการถอนฟัน รักษาคนที่มีความเครียด กังวล ผู้ป่วยทางกาย ทางจิต คนพิการ ผู้มีปัญหาทางอารมณ์ นอกจากนี้ยังใช้กับการพัฒนาการรับรู้ของเด็กทารก เยาวชนใช้พัฒนาการทำงานและสร้างเสริมมนุษยสัมพันธ์ของตนได้
การนำดนตรีบำบัดไปใช้เป็นสื่อในการบำบัดรักษาผู้ป่วยจิตเวช ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นนักดนตรีบำบัด (Music Therapist) จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับดนตรี และความผิดปกติทางด้านจิตใจ หรือโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับจิตใจเป็นอย่างดี นักดนตรีบำบัดจะต้องทำงานร่วมกับแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และบุคลากรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยนักดนตรีบำบัดควรวิเคราะห์ และวินิจฉัยได้ว่า ผู้ป่วยรายใดควรจะใช้ดนตรีบำบัดในรูปแบบใด ควรใช้องค์ประกอบใดของดนตรีในการบำบัดรักษา (พีระชัย ลี้สมบูรณ์ผล 2541 : 5)
นอกจากนี้ ประสิทธิ์ เลียวสิริพงศ์ (25437 : 18 – 19) ได้กล่าวถึงดนตรีเพื่อการบำบัดไว้ดังนี้ นักจิตวิทยา เพื่อว่าดนตรีช่วยพัฒนาการของมนุษย์ได้ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และสามารถใช้ดนตรีแก้ไข ปรับปรุง ข้อบกพร่องบาวอย่างทั้งทางกาย และทางอารมณ์ได้ด้วย เช่น การพูดติดอ่าง นิสัยก้าวร้าว ตลอดจนอาการของเด็กประเภท Autistic Child
ผลจากความรู้และการทดลองด้านนี้ ทำให้ดนตรีก้าวเข้าไปมีบทบาททางการแพทย์และจิตเวช โดยใช้ช่วยบำบัดอาการป่วยไข้ทางจิต เสริมการบำบัดรักษาตามวิธีการทางการแพทย์บทบาทนี้ทำให้เกิดวิชา ดนตรีบำบัด (Music Therapy) ซึ่งหลายมหาวิทยาลัยในต่างประเทศเปิดสอนเป็นวิชาเอก สำหรับนักดนตรี และนักศึกษา
ความจริงเรื่องการใช้ดนตรีบำบัดอาการป่วยไข้ มีมานานแล้ว ในพระคัมภีร์ไบเบิลระบุว่า “ดาวิด” เคยดีดพิณบำบัดอาการหงุดหงิดของกษัตริย์ซาอูล
ดนตรี มีคุณค่า และมีประโยชน์ต่อมนุษย์ในทุกด้าน เช่น พัฒนาสุขภาพจิต อารมณ์ สังคม และการพัฒนาทางร่างกาย มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับประโยชน์ และความสุขจาการรับรู้ความงามของดนตรี นำคุณค่าของดนตรีมาใช้พัฒนาคุณภาพของชีวิต
การศึกษาทางด้านดนตรีในประเทศไทย เห็นความสำคัญของดนตรีมากขึ้น มีการศึกษาการใช้ประโยชน์ของดนตรี เช่น พีระชัย ลี้สมบูรณ์ผล ศึกษาเรื่อง “ดนตรีของคนตาบอดในประเทศไทย : การเขียน และการประกอบอาชีพ” เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาศิลป์ศาสตร มหาบัณฑิต สาขาวัฒนธรรมการดนตรี มหาวิทยาลัยมหิดล (2537) พบว่า ดนตรีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตของคนตาบอด เป็นเพื่อนยามเหงา ช่วยลดความเครียด ความกังวล และเป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพ
งานวิจัยของ บำเพ็ญจิต แสงชาติ วิจัยเป็นวิทยานิพนธ์ ระดับปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2528 เรื่อง “การนำดนตรีมาใช้เพื่อลดความเจ็บปวดของผู้ป่วยหลังผ่าตัด” โดยอาศัยแนวทางหลัก
1. ดนตรีมีผลต่อร่างกายและจิตใจของบุคคล ซึ่งอาจจะเป็นไปในทางลบหรือบวกก็ได้ตามชนิดของดนตรีที่บุคคล นั้น ได้ สัมผัส ตามนัยยะระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์
2. ดนตรี ทำให้บุคคลมีมนุษยสัมพันธ์ และเข้าสู่สังคมได้
3. ดนตรีสามารถช่วยให้มีการพัฒนาทางด้านชื่อเสียงเกียรติยศของปัจเจกบุคคล และบรรลุถึงความเชื่อมั่นและเข้าใจตนเอง
4. เสียงดนตรีที่มีท่วงทำนองและประกอบด้วยลีลาจังหวะการเคลื่อนไหว ทำให้เกิดพลังชีวิต และสามารถปฏิบัติตามได้
5. ดนตรีทำให้เกิดสมาธิ มีความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ มีความละเอียดทางด้านอารมณ์และแนวความคิด
6. ดนตรีทำให้คลายความเครียด และลดความกังวลได้
ปัจจุบันมีการนำดนตรีมาใช้บำบัดโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีผลดียิ่งทั้งโรคทางกาย และจิตเวช กรีกเป็นชาติแรกที่ใช้พิณดีดรักษาโรคซึมเศร้า ดนตรีบำบัดสามารถใช้พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้ดี มีประโยชน์ และมีคุณค่าสูงแต่ต้นทุนต่ำ ใช้ได้ทั้งลดอาการเจ็บปวดจาการคลอดจาการถอนฟัน รักษาคนที่มีความเครียด กังวล ผู้ป่วยทางกาย ทางจิต คนพิการ ผู้มีปัญหาทางอารมณ์ นอกจากนี้ยังใช้กับการพัฒนาการรับรู้ของเด็กทารก เยาวชนใช้พัฒนาการทำงานและสร้างเสริมมนุษยสัมพันธ์ของตนได้
การนำดนตรีบำบัดไปใช้เป็นสื่อในการบำบัดรักษาผู้ป่วยจิตเวช ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นนักดนตรีบำบัด (Music Therapist) จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับดนตรี และความผิดปกติทางด้านจิตใจ หรือโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับจิตใจเป็นอย่างดี นักดนตรีบำบัดจะต้องทำงานร่วมกับแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และบุคลากรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยนักดนตรีบำบัดควรวิเคราะห์ และวินิจฉัยได้ว่า ผู้ป่วยรายใดควรจะใช้ดนตรีบำบัดในรูปแบบใด ควรใช้องค์ประกอบใดของดนตรีในการบำบัดรักษา (พีระชัย ลี้สมบูรณ์ผล 2541 : 5)
นอกจากนี้ ประสิทธิ์ เลียวสิริพงศ์ (25437 : 18 – 19) ได้กล่าวถึงดนตรีเพื่อการบำบัดไว้ดังนี้ นักจิตวิทยา เพื่อว่าดนตรีช่วยพัฒนาการของมนุษย์ได้ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และสามารถใช้ดนตรีแก้ไข ปรับปรุง ข้อบกพร่องบาวอย่างทั้งทางกาย และทางอารมณ์ได้ด้วย เช่น การพูดติดอ่าง นิสัยก้าวร้าว ตลอดจนอาการของเด็กประเภท Autistic Child
ผลจากความรู้และการทดลองด้านนี้ ทำให้ดนตรีก้าวเข้าไปมีบทบาททางการแพทย์และจิตเวช โดยใช้ช่วยบำบัดอาการป่วยไข้ทางจิต เสริมการบำบัดรักษาตามวิธีการทางการแพทย์บทบาทนี้ทำให้เกิดวิชา ดนตรีบำบัด (Music Therapy) ซึ่งหลายมหาวิทยาลัยในต่างประเทศเปิดสอนเป็นวิชาเอก สำหรับนักดนตรี และนักศึกษา
ความจริงเรื่องการใช้ดนตรีบำบัดอาการป่วยไข้ มีมานานแล้ว ในพระคัมภีร์ไบเบิลระบุว่า “ดาวิด” เคยดีดพิณบำบัดอาการหงุดหงิดของกษัตริย์ซาอูล
วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2550
ประวัตส่วนตัว
ดิฉันชื่อ ดวงนภา แซ่เฮง อายุ 30 ปี
บ้านเลขที่ 33/1 ต. โพหัก อ.บางแพ จ. ราชบุรี 70160
สถานภาพ คู่
มีบุตรสาว 1 คน
คู่ชีวิตชื่อ จ.ส.ต.อดุล มั่นการ
ทำงานอยู่ที่ ส.ภ.อ.วัดเพลง
ประสบการณ์
ได้มีโอกาสเข้าอบรมธรรมะที่วัดเขาวัง รู้สึกชอบ ได้เรียนรู้อะไรหลาย อย่างเกียวกับการดำเนินชีวิตถ้ามีโอกาสอยากให้ครอบคร้วได้เข้าอบรมธรรมะด้วยเพื่อเป็นการสะสมบุญให้กับตัวเอง
บ้านเลขที่ 33/1 ต. โพหัก อ.บางแพ จ. ราชบุรี 70160
สถานภาพ คู่
มีบุตรสาว 1 คน
คู่ชีวิตชื่อ จ.ส.ต.อดุล มั่นการ
ทำงานอยู่ที่ ส.ภ.อ.วัดเพลง
ประสบการณ์
ได้มีโอกาสเข้าอบรมธรรมะที่วัดเขาวัง รู้สึกชอบ ได้เรียนรู้อะไรหลาย อย่างเกียวกับการดำเนินชีวิตถ้ามีโอกาสอยากให้ครอบคร้วได้เข้าอบรมธรรมะด้วยเพื่อเป็นการสะสมบุญให้กับตัวเอง
สุนทรียศาสตร์คืออะไร ?ก่อนเข้าสู่ Aesthetic หรือ สุนทรียศาสตร์คือ วิชาที่ว่าด้วยเรื่องความงามจากสิ่งรอบๆตัวไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีตามธรรมชาติหรือสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้นหรือสร้างทฤษฎีขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความงามให้รับรู้ในรูปแบบต่างๆเช่นการวาดภาพ ดนตรี ศิลปกรรมต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีความงามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกนึกคิดของแต่ละบุคคลว่างามหรือไม่โดยอาศัยประสบการณ์ที่มีมาและการถ่ายทอดปลูกฝังตั้งแต่เด็กเป็นประสบการณ์
สุนทรียศาสตร์มีประโยชน์ต่อมนุษย์อย่างไร ?สุนทรียศาสตร์ ตามความเห็นคิดเห็นคือ สามารถช่วยในเรื่องของกระบวนการคิด การตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผล ทำให้ผู้นั้นมีจิตใจอ่อนโยน และมองโลกในแง่ดี ไม่แข็งจนเกินไป นอกจากนั้น การเข้าใจในสุนทรีย์ศาสตร์ยังช่วยส่งเสริมให้มนุษย์ได้มีแนวทางในการแสวงหาความสุขจากความงามต่างๆกันไป และทำให้เห็นความสำคัญของสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ ตลอดจนรู้จักนำสุนทรียศาสตร์ไปใช้ในชีวิตด้วยเหตุผล และความรู้สึกต่างๆได้อย่างเหมาะ
สมสุนทรียศาสตร์มีประโยชน์ต่อวิชาชีพอย่างไร ? เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผู้ที่อยู่ในวิชาชีพพยาบาลทุกคนจะได้รับการสอนเสมอว่า วิชาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่ต้องปฏิบัติงานกับบุคคลซึ่งอยู่ในภาวะเจ็บป่วยโดยต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการให้การพยาบาล นั่นหมายถึง ผู้ป่วยเป็นบุคคลซึ่งมีจิตใจ มีความรู้สึก กลัวการเจ็บป่วย กลัวการตาย การให้การพยาบาลจำเป็นต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อวิชาชีพก่อน จากนั้นต้องมีความตั้งใจในการให้การพยาบาล เข้าใจความรู้สึก และเห็นใจผู้ป่วย ในการให้การพยาบาลควรปฏิบัติด้วยความนุ่มนวลพร้อมกับให้การพยาบาลอย่างมีคุณภาพ มีเหตุและผล ร่วมกับใช้ความรู้และศาสตร์ ซึ่งหมายถึงวิชาต่างๆที่ได้เรียนมานำมาใช้ให้สอดคล้องกับการพยาบาลต่อผู่ป่วยในแต่ละคน....ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคน พยาบาลทุกท่านต้องทำความเข้าใจและให้การพยาบาลแตกต่างกันออกไป การปฏิบัติงาน และการให้การพยาบาลต่อผู้ป่วยเหล่านั้น สุดท้ายจะส่งผลกลับมาด้วยความภาคภูมิใจ และทำให้เกิดความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง และวิชาชีพมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน...ฉะนั้นจึงเห็นได้ว่า การให้การพยาบาลและการปฏิบัติงานในวิชาชีพพยาบาลนั้น สอดคล้องกับคำกล่าวของท่านอาจารย์ที่ว่า...การเรียนสุนทรียศาสตร์ ช่วยทำให้มนุษย์เกิดความสมดุลย์ของกาย คือมีเหตุมีผล ของจิตคือ มีความรู้สึก นอกจากนั้น การเรียนสุนทรียศาสตร์ยังช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน มองโลกในแง่ดีอย่างมีเหตุมีผล และส่งเสริมให้เห็นความสำคัญของสรรพสิ่งต่างๆในโลก จึงสอดคล้องกับงานวิชาชีพพยาบาล ในการดูแลให้การพยาบาลต่อผู้ป่วย และเพื่อนมนุษย์ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น.
สุนทรียศาสตร์มีประโยชน์ต่อมนุษย์อย่างไร ?สุนทรียศาสตร์ ตามความเห็นคิดเห็นคือ สามารถช่วยในเรื่องของกระบวนการคิด การตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผล ทำให้ผู้นั้นมีจิตใจอ่อนโยน และมองโลกในแง่ดี ไม่แข็งจนเกินไป นอกจากนั้น การเข้าใจในสุนทรีย์ศาสตร์ยังช่วยส่งเสริมให้มนุษย์ได้มีแนวทางในการแสวงหาความสุขจากความงามต่างๆกันไป และทำให้เห็นความสำคัญของสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ ตลอดจนรู้จักนำสุนทรียศาสตร์ไปใช้ในชีวิตด้วยเหตุผล และความรู้สึกต่างๆได้อย่างเหมาะ
สมสุนทรียศาสตร์มีประโยชน์ต่อวิชาชีพอย่างไร ? เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผู้ที่อยู่ในวิชาชีพพยาบาลทุกคนจะได้รับการสอนเสมอว่า วิชาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่ต้องปฏิบัติงานกับบุคคลซึ่งอยู่ในภาวะเจ็บป่วยโดยต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการให้การพยาบาล นั่นหมายถึง ผู้ป่วยเป็นบุคคลซึ่งมีจิตใจ มีความรู้สึก กลัวการเจ็บป่วย กลัวการตาย การให้การพยาบาลจำเป็นต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อวิชาชีพก่อน จากนั้นต้องมีความตั้งใจในการให้การพยาบาล เข้าใจความรู้สึก และเห็นใจผู้ป่วย ในการให้การพยาบาลควรปฏิบัติด้วยความนุ่มนวลพร้อมกับให้การพยาบาลอย่างมีคุณภาพ มีเหตุและผล ร่วมกับใช้ความรู้และศาสตร์ ซึ่งหมายถึงวิชาต่างๆที่ได้เรียนมานำมาใช้ให้สอดคล้องกับการพยาบาลต่อผู่ป่วยในแต่ละคน....ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคน พยาบาลทุกท่านต้องทำความเข้าใจและให้การพยาบาลแตกต่างกันออกไป การปฏิบัติงาน และการให้การพยาบาลต่อผู้ป่วยเหล่านั้น สุดท้ายจะส่งผลกลับมาด้วยความภาคภูมิใจ และทำให้เกิดความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง และวิชาชีพมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน...ฉะนั้นจึงเห็นได้ว่า การให้การพยาบาลและการปฏิบัติงานในวิชาชีพพยาบาลนั้น สอดคล้องกับคำกล่าวของท่านอาจารย์ที่ว่า...การเรียนสุนทรียศาสตร์ ช่วยทำให้มนุษย์เกิดความสมดุลย์ของกาย คือมีเหตุมีผล ของจิตคือ มีความรู้สึก นอกจากนั้น การเรียนสุนทรียศาสตร์ยังช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน มองโลกในแง่ดีอย่างมีเหตุมีผล และส่งเสริมให้เห็นความสำคัญของสรรพสิ่งต่างๆในโลก จึงสอดคล้องกับงานวิชาชีพพยาบาล ในการดูแลให้การพยาบาลต่อผู้ป่วย และเพื่อนมนุษย์ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)